(ที่มา : http://www.tososay.com/วิธีสแกนไวรัส-โดยใช้-แอนตี้ไวรัส-nod32.html)
2) โปรแกรมอรรถประโยชน์อื่น ๆ (stand alone utility programs) เป็นโปรแกรมที่ช่วยให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น
2.1) โปรแกรมป้องกันไวรัส (anti-virus program) การใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ร่วมกับบุคคลอื่นหลาย ๆ คน โดยเฉพาะเมื่อใช้กับระบบเครือข่าย อาจทำให้คอมพิวเตอร์ได้รับไวรัสคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นชุดคำสั่งที่ผู้ไม่ประสงค์ดีเขียนขึ้นมา เพื่อทำให้ประสิทธิภาพาการทำงานของคอมพิวเตอร์ลดลงหรือไม่สามารถทำงานต่าง ๆ ได้ จึงมีผู้พัฒนาโปรแกรมเพื่อตรวจหาและกำจัดไวรัสอย่างไรก็ดี ไวรัสคอมพิวเตอร์นั้นเกิดขึ้นใหม่อยู่ตลอดเวลา ผู้ใช้จึงต้องเพิ่มข้อมูลไวรัสใหม่ ๆ เพื่อให้โปรแกรมสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์
(ที่มา : http://www.tososay.com/วิธีสแกนไวรัส-โดยใช้-แอนตี้ไวรัส-nod32.html)
ไวรัสคอมพิวเตอร์
ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Comuter virus) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ไวรัส คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่
บุกรุกเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ ส่วนมากมักจะพัฒนาขึ้นเพื่อสร้างความเสียหายให้กับระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น ๆ ซึ่งไวรัสแบ่งออกเป็น 6 ประเภท ดังนี้
1. ไวรัสพาราสิต (parasltic virus) ไวรัสประเภทนี้จะเริ่มทำงานและจำลองตัวเองเมื่อมีการเรียกใช้งานไฟล์ที่ติดไวรัส ไวรัสคอมพิวเตอร์โดยส่วนมากจะเป็นประเภทนี้
2. ไวรัสบูตเซกเตอร์ (boot sector virus) ไวรัสประเภทนี้จะฝังตัวลงไปในบูตเซกเตอร์ แทนที่คำสั่งที่ใช้ในการเริ่มต้นการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นใช้งาน ไวรัสประเภทนี้จะโหลดตัวเองเข้าไปที่หน่วยความจำก่อนที่จะโหลดระบบปฏิบัติการ หลังจากนั้นจะสำเนาตัวเองไปฝังอยู่กับไฟล์อื่น ๆ ด้วย
3. ไวรัสสเตลท์ (stealth virus) ไวรัสประเภทนี้เป็นไวรัสที่มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงของตัวเองให้อยู่ในรูปแบบที่โปรแกรมป้องกันไวรัสต่าง ๆ ตรวจไม่พบ และเมื่อไปติดกับโปรแกรมใดแล้วจะทำให้โปรแกรมนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
4. ไวรัสโพลีเมอร์ฟิก (polymorphic virus) ไวรัสประเภทนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ทุกครั้งที่ติดต่อไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะส่งผลทำให้ไวรัสประเภทนี้ตรวจพบได้ยาก
5. ไวรัสแมโคร (macro virus) ไวรัสประเภทนี้จะมีผลกับ Macro Application (มักจะพบในโปรแกรมประเภท Word Processors) เมื่อผู้ใช้เรียกใช้ไฟล์ที่มีไวรัสติดมาด้วย จะทำให้ไวรัสไปฝังตัวอยู่ที่หน่วยความจำจนเต็มอันจะทำให้การทำงานของคอมพิวเตอร์ช้าลง และอาจส่งผลเสียกับข้อมูลที่เก็บอยู่ในคอมพิวเตอร์ได้
6. หนอนอินเทอร์เน็ต (worms) เป็นไวรัสคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่งที่จะติดต่อกันได้ทางอินเทอร์เน็ตสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว โดยไวรัสชนิดนี้จะคัดลอกตัวเองซ้ำแล้วใช้ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อในการแพร่กระจายซึ่งโดยทั่วไปจะมากับอีเมล ตัวอย่างของหนอนอินเทอร์เน็ต คือ Adore โดยจะทำการค้นหาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีระบบปฏิบัติการ Linux หลังจากนั้นจะสร้างช่องทางในคอมพิวเตอร์เพื่อให้แฮกเกอร์ (hacker) สามารถเข้าไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นได้
2.2) โปรแกรมไฟว์วอลล์ (firewall) เป็นโปรแกรมที่จะช่วยป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกบุกรุกเข้ามาในระบบได้ ด้วยการเฝ้าดูข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาต ทั้งข้อมูลที่จะเข้ามาและข้อมูลที่อาจจะออกไปจากระบบ ซึ่งข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาตนี้เองที่อาจจะเป็นข้อมูลที่ผู้ไม่หวังดีเจาะเข้าระบบได้ ซึ่งผู้ใช้สามารถนำมาใช้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นิยมใช้กับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เช่น Windows Fireeall, ZoneAlarm เป็นต้น
(ที่มา : http://www.techxcite.com/topic/5702.html)
2.3) โปรแกรมบีบอัดไฟล์ (file compression utility) เป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่บีบอัดไฟล์ให้มีขนาดเล็กลง โดยไฟล์ที่ได้จากการบีบอัดไฟล์นี้ บางครั้งนิยมเรียกว่า ซิปไฟล์ (zip file) โปรแกรมอรรถประโยชน์ที่นิยมใช้และรู้จักกันเป็นอย่างดี เช่น Winzip, Winrar เป็นต้น
(ที่มา : http://www.suwanpaiboon.ac.th/wbi/page/t34.html)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น